อัพเดทล่าสุด

Monday, October 31, 2016

มะพร้าวทะเลทราย น่ารักผุดๆ

มะพร้าวทะเลทราย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dorstenia Foetida



ต้นไม้ขนาดเล็ก มีลักษณะเด่นคือ ทรงคล้ายต้นมะพร้าวในบ้านเรามาก สามารถออกดอกได้ แต่ไม่มีผลให้รับประทานนะครับ เป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ชอบแดดแต่ถ้าปลูกในที่ร่มที่มีแดดส่องบ้างก็พอได้ แต่ลำต้นและใบอาจจะยืดยาวไปบ้าง

มะพร้าวทะเลยทราย เป็นอีกหนึ่งต้นไม้ที่ผู้ขายมักจะขายพร้อมกับแคคตัส

วิธีเลี้ยงต้นมะพร้าวทะเลทราย



ดินที่เหมาะกับการปลูกมาพร้าวทะเลทรายนั้น สามารถใช้ดินที่ปลูกแคคตัสทั่วไปได้ หรือจะใช้ดินที่ผสมใบก้ามปูก็จะดีเยี่ยมเช่นกัน  แถมเราสามารถรดน้ำได้ในลักษณะเดียวกับแคคตัส หรือสองสามวันค่อยรดก็ได้ครับ ดังนั้น ถ้าอยากจะเลี้ยงมะพร้าวทะเลทรายรวมกับแคคตัส ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

เคล็ดลับและข้อควรระวังการเลี้ยงมะพร้าวทะเลทราย

  • หน้าฝนต้องระวัง อย่าให้น้ำแฉะจนเกินไป เดี๋ยวหัวเน่า
  • ระวังเชื้อรา ถ้าจะป้องกันก็ต้องใช้ สตาร์เกิ้ล จี  (สารกำจัดแมลงและเชื้อรา) สำหรับรองที่ก้นหลุม
  • ระวังเพลี้ย (สีขาว) ถ้ามีให้เขี่ยออก หรือใช้ผงซักฟอก ผสมน้ำให้เจือจางมากๆ ฉีด
  • ถ้าให้ต้นมะพร้าวทะเลทรายสูงหรือยืดขึ้น ให้ปลูกในที่ร่ม และให้แสงส่องถึง
  • ต้นโตเต็มที่จะมีฝัก และเมล็ดมักจะตกใต้ต้น เกิดเป็นมะพร้าวทะเลทรายน้อย
  • ส่วนปุ๋ย ก็มาตราฐานเหมือนเดิมคือ ออสโมโค้ท สูตร 16-16-16 

ถึงแม้ว่าต้นมะพร้าวทะเลยทราย จะไม่ใช่แคคตัส แต่ก็มีความงามให้หลงไหลได้ไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะโขดที่ใหญ่ และลักษณะต้นที่คล้ายมะพร้าวบ้านเรา


ต้นสโนว์แคป หนามสีขาว

ต้นสโนว์แคป (Snowcap)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mammillaria vetula subsp. gracilis ‘Arizona Snowcap’




สโนว์แคป ถือได้ว่าเป็นแคคตัสที่มีลักษณะพิเศษ นั่นคือ มีหนามสีขาว เหมือนหิมะ (ชื่อจึงมีคำว่า Snow อยู่ด้วย) แถมยังเป็นหนามที่สามารถจับได้ ไม่แข็งจนทิ่มตำมือของเราให้เจ็บปวดแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งไม้โปรดของผมครับ

สโนว์แคปเริ่มแตกหน่อ


ว่ากันว่า สโนว์แคป เป็นต้นไมัขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 4 นิ้ว และกว้างไม่เกิน 5 นิ้ว ดอกมีขนาดไม่ใหญ่นัก สีออกขาวครีม มีเกษรสีเหลือง อาจมีสีแดงแซมที่ขอบดอกบ้าง เหมาะมากที่จะเลี้ยงไว้ริมหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องถึงในตอนเช้า..  ส่วนดินที่ใช้ปลูก สามารถใช้ดินแคคตัสสำเร็จรูปได้เลยครับ  วิธีรดน้ำ ก็รดน้ำแบบแคคตัสทั่วไป อาทิตย์ละไม่เกิน 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับแดดว่าดีขนาดไหน ถ้าแดดไม่ดี อาทิตย์ละครั้งก็พอครับ..

ประโยชน์ของเพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์ ชื่อนี้สำคัญไฉน




ถ้าพูดถึงวัสดุปลูกของแคคตัสแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า มีส่วนผสมของวัสดุปลูกที่หลากหลาย และมีหลายสูตรมาก ทั้งนี้ ขึ้นกับผู้ปลูกเป็นหลักว่า จะใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง วัสดุปลูกหลายอย่างก็มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้ผู้สนใจอาจสับสน และยากต่อการจดจำ ดังนั้น ทางเราจึงมีการแยกแยะวัสดุปลูกแต่ละชนิด และรวบรวมมาอธิบายที่ละอย่าง เพื่อให้เพื่อนๆ ที่สนใจศึกษาได้อย่างเต็มที่

เพอร์ไลท์ (Perlite) คืออะไร

เพอร์ไลท์เป็นหินภูเขาไฟ และมีลักษณะทางกายภาพเป็นโพรง สามารถนำไปผสมดิน ทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย เก็บกักความชื้น ธาตุอาหาร รวมทั้งระบายน้ำได้ดี และขึ้นชื่อว่าเป็นหินภูเขาไฟ ย่อมจะต้องมีแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่ผสมอยู่ในเพอร์ไลท์นี้อย่างแน่นอน

เพอร์ไลท์ เหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของปุ๋ย ปรับปรุงดินให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น หรือจะนำไปใช้สำหรับการเพาะปลูก พืชสวน หรือแม้แต่ปลูกพืชไร้ดิน

ส่วนผสมหลักของเพอร์ไลท์จะมีธาตุซิลิกามากถึง 70%  ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นของซิลิกาก็คือ ดูดความชื้น ทำให้บริเวณใกล้เคียงชุ่มชื้น ทำให้รากพืชแข็งแรงมากขึ้นด้วย อีกจุดเด่นคือ สามารถควบคุมและปล่อยธาตุอาหารในดินออกมาช้าๆ ทำให้ต้นไม้สามารถดูดสับสารอาหารได้ดีขึน

 ข้อควรทราบ ลักษณะภายนอกของเพอร์ไลท์ เป็นหินสีขาว-เทา น้ำหนักเบา

หลังจากที่ทราบประโยชน์ของเพอร์ไลท์แล้ว ส่วนผสมของวัสดุสำหรับแคคตัส ก็น่าจะมีเจ้า เพอร์ไลท์ นี้เป็นส่วนหนึ่งของแคคตัสน้อยๆ ของเรา สนนราคาเพอร์ไลท์ ลิตรละประมาณ 15-20  บาท

ประโยชน์อื่น่ๆของ เพอร์ไลท์

  • พลาสเตอร์น้ำหนักเบา 
  • ส่วนผสมของปูนซีเมนต์ ฉนวน 
  • ส่วนผสมทำฝ้าและเพดาน 
  • ส่วนผสมของเซรามิก

อีกทางเลือกของวัสดุปลูกแคคตัส

คุณอยากเลือกใชัวัสดุปลูกแบบไหน





หลังจากได้ศึกษาเกี่ยวกับวัสดุปลูกแคคตัสพบว่า วัสดุปลูกส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และเป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก ประเทศไทยตั้งเสียดุลการค้าส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากวัสดุปลูกต้นไม้ จะดีไหม ถ้าประเทศไทย มีวัสดุปลูกที่สามารถปลูกแคคตัสได้

เม็ดดินเผา อีกหนึ่งทางเลือก

ถ้าคุณกำลังมองหาวัสดุปลูกที่สะอาด และมีคุณค่าทางอาหารสำหรับต้นแคคตัสของเรา ปกติเราอาจนึกถึงดินภูเขาไฟ ซึ่งแน่นอน ประเทศไม่มี อยากให้ลองศึกษาและทดลองกันดูกับ เม็ดดินเผา วัสดุปลูกต้นไม้ที่น่าสนใจของไทย

คุณสมบัติของเม็ดดินเผา
  • ผลิตจากเม็ดดินเผาตามธรรมชาติ ผสมหินแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้
  • น้ำหนักเบา สามารถรอยน้ำได้
  • มีความพรุนในตัวสูง อุ้งน้ำได้ดี
  • ไม่เปื่อยหรือยุ่ยง่าย
  • ไม่มีสารเคมีเจือปน
  • สามารถนำมาโรยหน้ากระถาง เช่นเดียวกับกรวดหรือหิน
  • มีหลายขนาดให้เลือกนำไปใช้งาน ตั้งแต่ 2 มม. ไปจนถึง 20 มม. 
  • นำไปประดับตกแต่งสวนได้ด้วย
ตัวอย่างเม็ดดินเผาที่เห็นตามท้องตลาด จะมียี่ห้อ Sponge Clay และ Popper สนนราคาของเม็ดดินเผา อาจจะสูงเมื่อเทียบกับ ดินแคคตัสสำเร็จรูป แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องความสะอาด ความสวยงามเวลาปลูกในกระถางต้นไม้ และที่สำคัญ เป็นสินค้าของไทย


ใครสนใจแบรนด์ไหน ก็ลองไปเลือกซื้อมาทดสอบกันได้เลยนะครับ 1 ถุง 1 ลิตรราคาประมาณ 40-50 บาทครับ แต่ถ้าซื้อจำนวนลิตรที่เพิ่มขึ้น ราคาก็จะถูกลงไปเรื่อยๆ ครับ

Popper เท่าที่เห็นจะมีแต่สีน้ำตาล ส่วน Sponge clay จะมีหลากหลายสีให้เลือก ทั้งสีเขียว สีน้ำตาล สีเหลือง และสีขาวให้เลือก 

ชื่ออื่นๆ ที่มีการเรียกเม็ดดินเผา ได้แก่ เม็ดดินเซรามิกส์ เม็ดดินเผามวลเบา เป็นต้น



ไม้ด่าง คืออะไร ทำไมถึงแพงจัง

ไม้ด่างคืออะไร




ถ้าพูดถึงแคคตัสทั่วไปแล้ว ลำตัวก็จะมีสีเขียวเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อใช้สำหรับการสังเคราะห์แสง เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตอยู่ได้ แต่สำหรับแคคตัสบางต้น มีสีสรรที่แตกต่างกันออกไป เช่นมีสีเหลือง สีส้ม แทรกอยู่ระหว่างสีเขียว ทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม เปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึันก็น้อย ทำให้สายพันธุ์แคคตัสที่มีลักษณะเป็นด่างเป็นที่ต้องการ

แคคตัสที่มีสีอื่นปะปนอยู่ในระหว่างลำต้น เราเรียกว่า "ไม้ด่าง" แต่จะด่างมากหรือน้อยน้อย ก็ยังเรียกว่า ไม้ด่าง เช่นเดียวกัน จะเรียกว่า ไม้ด่าง เป็นไม้ที่ผิดปกติ หรือกลายพันธุ์ก็น่าจะได้เช่นกัน

ทำไมไม้ด่างถึงแพง

มีหลายเหตุผลที่ทำให้ไม้ด่างมีราคาแพง สาเหตุหลักก็คือ มีจำนวนหรือเปอร์เซ็นต์ที่อาจเกิดเป็นไม้ด่าง ค่อนข้างน้อย เช่น อาจเกิดขึ้น 1 ใน 50 หรือ 1 ในร้อยที่มีต้นด่างเพียงต้นเดียว

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แคคตัสด่าง มีราคาแพงกว่าปกิต น่าจะมาจากความความสวยงามของสีที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และเป็นความชอบส่วนตัวของบุคคลนั้นๆ 

วิธีเลือกซื้อแคคตัสไม้ด่าง




การเลือกซื้อไม้ด่าง ก็ไม่ต่างจากการเลือกซื้อแคคตัสทั่วไป คือเลือกสีสรรสดใส ต้นเต่งตึง ไม่เหี่ยวและหนามที่ดูสด แต่สิ่งสำคัญที่เราควรทราบก่อนเลือกซื้อไม้ด่างเพิ่มเติม ก็คือ

  • ไม้ด่าง ยิ่งโต จะยิ่งด่างมากขึั้น ดังนั้น การเลือกซื้อควรเลือกที่มีความด่างไม่มาก เช่น มีสีเหลืองแทรกในสีเขียวไม่มาก (สีเขียวควรมากกว่า)
  • ยิ่งด่างมาก เช่นสีเหลืองมีมากเกือบเต็มต้น จะทำให้ต้นเจริญเติบโตช้า ถึงช้ามาก ดังนั้น ควรทำความเข้าใจ ก่อนเลือกซื้อ

ท้ายสุด หลังจาได้เลือกซื้อไม้ด่างมาเลี้ยงและประดับบ้านแล้ว เราคงจะต้องมาดูผลลัพธ์หลังจากเลี้ยงไปได้อีกสักระยะหนึ่งเพื่อจะดูว่า ความด่างที่ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลานั้น จะสวยงามเพียงใด

Sunday, October 30, 2016

กราฟแคคตัส คืออะไร

ทำความรู้จักกราฟแคคตัสกันดีกว่า






สำหรับใครหลายคนที่เคยเพาะเลี้ยงแคคตัสมาแล้ว คงทราบดีกว่า ต้นแคคตัสที่ไม่มีสีเขียว จะไม่สามารถเลี้ยงแบบลงดินได้ เพราะอาจตายเนื่องจากไม่สามารถออกรากได้ หรือโตช้ามาก ดังนั้น จึงมีคนคิดการเอาต้นแคคตัสไปต่อกับต้นไม้อื่น เพื่อให้ช่วยเลี้ยง มีหลักการคล้ายๆ ต้นกาฝาก นั่นเอง



การนำต้นแคคตัส มาต่อบนต่อของอีกต้นหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของแคคตัส หรือเพื่อแก้ไขปัญหาแคคตัสที่ไม่มีสีเขียว (ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้) ที่ไม่สามารถเติบโตได้เอง วิธีการดังกล่าว เราเรียกว่า กราฟแคคตัส (graft cactus)

อุปกรณ์สำหรับการทำกราฟแคคตัส
  • แคคตัสที่ต้องการนำมาต่อ เช่น แคคตัสยิมโนหัวสี เป็นต้น
  • ต้นตอที่สามารถนำมาต่อได้  เช่น แคคตัสคอนโดนางฟ้าต้น เป็นต้น
  • สก๊อตเทป สำหรับติด

ต้นตอสำหรับการทำกราฟที่นิยม
  • แคคตัสคอนโดนางฟ้า
  • ต้นแก้วมังกร

วิธีการทำกราฟ

1. นำต้นตอมาตัดส่วนหัว ควรเลือกต้นตอที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป
2. นำแคคตัสมาตัดส่วนปลาย
3. วางทาบบนต้นตอ
4. ใช้สก๊อตเทปติดเพื่อไม่ให้แคคตัสเลื่อนหลุด
5. จากนั้นก็วางในที่ร่มๆ และอย่างให้แผลโดนน้ำ
6. รอสักประมาณ 1 สัปดาห์ และดูผลลัพธ์
ข้อมูลเพิ่มเติม การทำกราฟ เป็นวิธีที่สามารถนำไปใช้กับต้นไม้ประเภทอืนๆ ได้นอกเหนือกจากแคคตัส

Friday, October 28, 2016

ทำความรู้จัก พีทมอส

วัสดุเพาะระดับเทพ

ถ้าพูดถึงวัสดุที่ใช้สำหรับการเพาะพันธุ์พืช เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรู้จัก "พีทมอส"  (Peat Moss) เพราะเป็นวัสดุเพาะที่มีเนื้อละเอียด โปร่ง ปราศจากวัชพืช (ไม่เหมือนดินทั่วไป) สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีแร่ธาตุสำหรับต้นอ่อน รวมทั้งได้ชื่อว่า มีความสะอาดอีกด้วย

ที่มาที่ไปของ พีทมอส




เป็นส่วนผสมของซากพืชและซากสัตว์ ที่มีการย่อยสลายทับทมกันมาเป็นเวลานานถึงนานมากๆ ปกติพีทมอสจะอยู่ในแถวประเทศที่มีอากาศหนาว โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศจีน เยอรมันนี

พีทมอส มี 2 ประเภท คือ
  1. แบล็คพีท (Black Peat)
    มีลักษณะเป็นสีดำ เป็นพีทมอสที่ผ่านการย่อยสลายมานาน 
  2. ไวท์พีท (White Peat)
    มีลักษณะเป็นสีค่อนอ่อนกว่า สีออกน้ำตาล เป็นพีทมอสที่ผ่านการย่อยสลายไม่นานเท่ากับแบล็คพีท เนื้อยังค่อนข้างหยาบ
ประโยชน์ของพีทมอสที่ใช้เป็นวัสดุเพาะปลูก
  • ระบายน้ำได้ดี
  • เพิ่มอากาศในดิน
  • มีแร่ธาตุอาหารเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกต้นกล้า
  • ปราศจากเชื้อโรค
ประโยชน์อื่นๆ ของพีทมอส
  • เหมาะสำหรับนำไปเป็นส่วนผสมสำหรับการทำปุ๋ยหมักอีกด้วย สามารถลดกลิ่นของปุ๋ยหมัก
  • สามารถนำไปเป็นส่วนผสมในการตอนกิ่งต้นไม้
  • เป็นส่วนผสมในดินเพื่อเพาะปลูกต้นไมั

สนนราคาพีทมอส ก็อยู่ที่ 1 กิโลกรัมประมาณ 30 บาท
ตัวอย่างแบรนด์ของพีทมอส


ใครสนใจก็ลองไปหาซื้อได้แล้ว ไม่ต้องบินไปประเทศจีน ก็สามารถหาซื้อตามห้างร้านที่ขายเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ในการปลูกต้นไม้หรือปุ๋ย

Thursday, October 27, 2016

ทำความรู้จัก ดินญี่ปุ่น

ดินอะไรปลูกแคคตัสได้ดีที่สุด

ถ้าจะบอกว่า ดินอะไรปลูกแคคตัสได้ดี และโตเร็วที่สุด คงเป็นคำถามที่หาคำตอบยากไปสักนิด เพราะดินที่ใช้ปลูกแคคตัสนั้น แต่ละสวนจะมีการ "ปรุง" ส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งยังไม่เคยเห็นใครออกมาทดสอบ ซึ่งก็ยาก เพราะต้องใช้เวลาในการทดสอบนาน จึงจะพอเห็นผล

ดินญี่ปุ่น น่าสนใจตรงไหน




ดินเมืองไทย ก็สามารถปลูกแคคตัสได้ดี แต่ก็ต้องมีการปรับปรุงสูตรให้ถูกต้องและเหมาะสมกับแคคตัสแต่ละสายพันธุ์ แต่ถ้าเป็นดินญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดินที่มามีแร่ธาตุจากธรรมชาติ เกิดมาจากภูเขาไฟ ในสมัยยังเด็ก ก็เคยเรียนรู้มาว่า ดินภูเขาไฟมีประโยชน์สูงม๊ากมาก

ดินญี่ปุ่นที่กำลังแนะนำนี้ ไม่ใช่ตัวเดียวกันกับดินญี่ปุ่นที่เอามาปั้นเป็นดอกไม้ หรือตุ๊กตานะครับ

ทำความรู้จัก ดินญี่ปุ่น

ดินญี่ปุ่น มีชื่อว่า Akadama Soil เป็นชื่อภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ลูกบอลสีแดง แต่ดูยังไง ดินญี่ปุ่น ก็ไม่เห็นเป็นสีแดง สงสัย จะหมายถึง ตอนภูเขาไฟระเบิด และมีลูกไฟสีแดงกระเด็นออกมาหรือเปล่า คิดไปไกลถึงขนาดนั้นเลยนะ

ดินญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะนำดินชนิดนี้ไปใช้สำหรับการเพาะปลูกบอนไซ

คุณสมบัติของดินญี่ปุ่น

  • มีค่า PH เป็นกลาง
  • มีความพรุน ระบายได้ดี ถึงดีมาก
  • มีแร่ธาตุเป็นส่วนผสมมากมาย เหมาะกับพืช
  • สามารถช่วยลดปัญหาเรื่องเชื้อราได้
  • มีอายุการใช้งานนานกว่าดินแคคตัสทั่วไป หลายเท่า 
  • สามารถนำมาใช้แทนดินเพาะปลูกแคคตัสได้เลย 

ส่วนเรื่องราคา ก็จะสูงกว่าดินแคคตัสทั่วไป ดังนั้น ใครพอมีสตางค์ก็อาจพิจารณาใช้ดินญี่ปุ่นในการปลูกแทนดินทั่วไปก็ได้ เพราะสะดวก ไม่ต้องหาเครื่องปรุงดินอื่นๆ มาเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก

ราคาดินญี่ปุ่น 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 100 บาท (ซื้อหลายกิโลกรัม จะถูกกว่า)

การนำไปใช้ของดินญี่ปุ่น

เนื่องจากดินญี่ปุ่นมีหลายขนาด ดังนั้น ถ้าต้องการรองก้นกระถาง แนะนำให้ซื้อขนาดใหญ่ และถ้าต้องการเป็นดินสำหรับปลูกเลยก็สามารถใช้ขนาดเล็กลงได้ หรือจะเอาขนาดใหญ่มาทุบก็ได้เช่นกัน บางคนก็นำดินญี่ปุ่นใช้ในการโรยเฉพาะหน้ากระถางเท่านั้น

ตัวอย่างแบรนด์ของดินญี่ปุ่น


ในประเทศไทยก็สามารถหาซื้อดินญี่ปุ่นได้ไม่ยาก ทั้งสวนแคคตัสทั่วไป รวมทั้งสั่งซื้อออนไลน์ก็ง่ายนิดเดียว ใครสนใจก็ลองไปค้นหากันดูนะครับ

ทิป แถวทางการเลือกดินญี่ปุ่น ก็เพราะราคาซึ่งแพงกว่าดินแคคตัสทั่วไป ดังนั้น ถ้าจะเลือกใช้ดินญี่ปุ่น ก็อาจจะพิจารณานำไปใช้กับแคคตัส ที่เราชอบเป็นกรณีพิเศษ หรือแคคตัสราคาแพงๆ

ทำไม ต้องโรยหินบนกระถางแคคตัส

โรยหน้าด้วยหินบนกระถางแคคตัส มีประโยชน์อะไร


กรวดแม่น้ำ


สำหรับผู้ที่ปลูกแคคตัสแล้ว เชื่อว่ามีหลายคนที่สงสัยว่า ในกระถางแคคตัสเกือบทุกต้นก็ว่าได้ จะมีหินก้อนเล็กๆ โรยหน้าอยู่ ซึ่งไม่ทราบว่า โรยไว้เพื่อประโยชน์อะไร เรื่องนี้ส่วนนี้ก็คิดไปต่างๆ นานา เอาเป็นว่า เรามาร่วมหาคำตอบของหินที่โรยหน้าในกระถางแคคตัสกันสักหน่อย

สีของหินโรยกระถาง

เท่าที่เห็น หินโรยกระถางมีหลากสีมาก แต่ส่วนใหญ่จะใช้หินแม่น้ำ ที่มีสีน้ำตาล อาจเป็นเพราะราคาจะถูกกว่าหินสีสวยๆ ทั่วไป โดยเฉพาะสีขาว ใครถูกใจแบบไหน ก็ลองไปหาซื้อกันเองนะครับ ส่วนราคาก็ถูกมากครับ หลักสิบบาทเท่านั้นเอง

  • กรวดหินสีน้ำตาล
  • กรวดหินสีดำ
  • กรวดหินสีขาว
  • กรวดหินที่มีหลายสีผสมกัน

ประโยชน์ของก้อนกรวดเล็กๆ




  • เพื่อเวลารดน้ำ ดินจะได้ไม่กระเด็นออก
  • ช่วยผยุงให้ต้นแคคตัส ไม่ล้มง่าย โดยเฉพาะกับแคคตัสต้นเล็ก
  • เพื่อความสวยงาม บางคนถึงกับใส่กรวดหลากสีก็มีให้เห็น
  • เพิ่มความโดดเด่นให้กับแคคตัส
  • กระถางเบา มีก้อนกรวดช่วยให้กระถางไปถูกลมพัด จนล้มง่ายเกินไป

ราคาของหินกรวดแม่น้ำ ประมาณ 20-30 บาท ต่อกิโลกรัม

ข้อควรระวัง การโรยก้อนกรวดบนกระถางแคคตัสด้านบน ไม่ควรใส่ก้อนกรวดจำนวนมากเกินไป หรือใหญ่จนเกินไป แค่โรยและปิดไม่ให้เห็นดินก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้าใส่ก้อนกรวดหนาเกินไป จะทำให้ดินแน่นขึ้นและทำให้ระบายน้ำไม่ดี ท้ายสุดก็สิ้นเปลืองเกินไป



ดินสำหรับปลูกแคคตัส

แคคตัสชอบเครื่องปรุงแบบไหน

ดินถือเป็นส่วนประกอบสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการปลูกแคคตัส เราไม่สามารถใช้ดินที่ปลูกต้นไม้ทั่วไปมาปลูกแคคตัส เนื่องจากดินทั่วไป ไม่สามารถระบายน้ำได้ดีมากพอ ดินที่ใช้ปลูกแคคตัสนั้น จะเป็นต้องเป็นดินร่วนผสมทราย เพื่อให้ระบายน้ำได้ดีสุดๆ แต่อย่างไรก็ตาม การปรุงดินให้เหมาะสมนั้น ก็มีสูตรมากมายที่หาดูได้จากออนไลน์ แต่ว่าแบบไหนดีที่สุด หล่ะ

ดินสำหรับปลูกแคคตัส สำหรับมือใหม่





ใครที่คิดว่า อยากจะลองปลูกแคคตัส แนะนำว่า ให้เลือกซื้อดินที่มีขายสำเร็จรูปจากร้านค้าแคคตัสทั่วไปมาทดลองปลูกก่อน อย่าเพิ่งปรุงดินด้วยตัวเอง และให้ลองสังเกตดูว่า มีความร่วน (เป็นเม็ดๆ) และมีทรายผสมหรือไม่

สำหรับวัสดุรองก้นกระทาง สามารถซื้อหินภูเขาไฟ ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร มาเป็นวัสดุรองกระถาง ทั้งนี้ เพื่อให้ระบายได้ดีขึ้น หรือถ้าจะประหยัดก็อาจใช้ ถ่านหุงข้าวทุบให้ก้อนเล็กลง หรือใช้กากมะพร้าวสับเป็นชิ้นเล็กๆ ลองก้นกระถางก็ได้ครับ

สรุป ดินปลูกแคคตัส สำหรับมือใหม่


  • ดินแคคตัส (สำเร็จรูป)
  • หินภูเขาไฟ สำหรับรองก้นกระถาง

สนนราคาดินสำหรับปลูกแคคตัส ก็มีราคาประมาณหลักสิบบาท สำหรับขนาดประมาณ 1 กิโลกรัม ส่วนหินภูเขาไฟ ก็แพงกว่าดินแคคตัสหน่อยครับ แต่ก็ยังอยู่ในหลักไม่กี่สิบบาทเช่นกัน

ปุ๋ย อาหารสำหรับแคคตัส

ปกติดินสำเร็จสำหรับแคคตัส ก็มีปุ๋ยในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่มก็ได้ ส่วนปุ๋ยที่นิยมใช้สำหรับปลูกแคคตัส ก็คือ ปุ๋ยละลายช้า หรือ ออสโมโค้ท จะมีเม็ดสีเหลือง ใส่เพียงไม่กี่เม็ดต่อกระถาง อาจใส่ประมาณ 5-8 เม็ด  ก็สามารถอยู่นานได้หลายเดือน


วิธีทดสอบดินสำหรับปลูกแคคตัส

วิธีการง่ายๆ อย่างหนึ่งในการทดสอบความร่วนของดินแคคตัสที่เราจะปลูก นั่นคือ ให้ใส่วัสดุรองก้นกระถาง จากนั้นก็ใส่ดินแคคตัส จนเกือบเต็มกระถาง จากนั้น ให้ลองรดน้ำเบาๆ (จากฝักบัว)  จากนั้นให้ดูว่า น้ำไหลออกมาอย่างรวดเร็วหรือไม่ หรือมีน้ำขัง ถ้ามีน้ำขัง แสดงว่า ดินไม่ร่วนพอ ให้ปรุงดินใหม่

เมื่อไหร่ ควรเปลี่ยนดินแคคตัส

เปลี่ยนดิน เมื่อไหร่ดี

การปลูกแคคตัส ก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ทั่วไป นั่นคือ แคคตัส ต้องการน้ำ แสงแดด ดินที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุอาหารหรือปุ๋ยที่มีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป ทุกๆ อย่างจะต้องลงตัว เพื่อการเจริญเติบโตของแคคตัสอย่างเต็มที่ ดังนั้น เรามาสังเกตแคคตัสของเราว่า ควรได้เวลาในการเปลี่ยนดินแล้วหรือยัว

เปลี่ยนดิน เมื่อซื้อแคคตัสมาใหม่

จากข้อมูลที่ศึกษามา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เลี้ยงแคคตัส หรือจากโลกออนไลน์ จะพบว่า มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายๆ กัน คือ จะแนะนำให้เปลี่ยนดินในกระถาง เมื่อซื้อแคคตัสใหม่ ทำไมต้องเปลี่ยนดิน สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ดินที่ร้าน สารอาหารอาจหมดแล้ว หรือใกล้หมด
    เพราะเราไม่ทราบว่า แคคตัสที่ปลูกไว้นั้น อยู่ในกระถางนานเท่าไหร่แล้ว เป็นเดือนๆ หรือเป็นปี ดังนั้น เพื่อความแน่นอน การเปลี่ยนกระถางก็เพื่อจะได้มั่นใจว่า มีสารอาหารครบถ้วน
  • ดินที่ร้านค้า มีสารอาหารไม่มาก
    ลองคิดดู ปกติแล้ว ถ้าเราเป็นคนขาย เราก็คงไม่ใส่สารอาหารที่จำเป็นแบบเต็มที่ (เพราะต้นทุนจะสูงขึ้น) ดังนั้น จึงคาดเดาได้ว่า แคคตัสที่ซื้อมา น่าจะมีสารอาหารเพียงเล็กน้อย  อาจเป็นเฉพาะบางร้านนะครับ คงไม่ทั้งหมด
  • เปลี่ยนดิน เพื่อตรวจสอบราก
    ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ แคคตัสที่ซื้อมา มีรากสมบูรณ์ หรือแน่นกระถางหรือไม่ การเปลี่ยนดินและเปลี่ยนกระถาง ก็น่าจะเป็นการตรวจสอบที่ดีอย่างหนึ่ง เช่นกัน

เปลี่ยนดิน เมื่อต้นใหญ่จนคับกระถาง




เรื่องนี้ แถบไม่ต้องอธิบาย เพราะถ้าแคคตัสใหญ่จนคับกระถางแล้ว เราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนกระถางและดินอย่างแน่นอน ทั่งนี้ เพื่อให้แคคตัสของเราเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างสะดวกและสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เราควรเปลี่ยนดินและกระถาง

  • แคคตัส ไม่เติบโตเพิ่มขึ้น
  • แคคตัส เหี่ยวเฉา ไม่เต่งตึง เท่าที่ควร
  • แคตตัส ลำต้นนิ่ม หรือมีอาการจะเน่า
  • เวลารดน้ำ น้ำไม่ไหลออกอย่างรวดเร็ว แสดงว่า อาจมีปัญหาของดินที่ไม่ร่วนมากพอ
  • เปลี่ยนดิน เมื่อรากยาวล้นออกมาจากก้นกระถาง
  • เปลี่ยนดิน เมื่อปลูกไปได้สัก 6-12 เดือน 
  • ถ้าต้นใหญ่คับกระถาง ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนกระถางด้วย แต่ไม่ควรใช้กระถางที่ใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้เปลืองวัสดุปลูก และไม่มีผลดีกับแคคตัสแต่อย่างใด

ข้อมูลเหล่านี้ เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่นักปลูกแคคตัสมือใหม่ ควรสังเกตอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อให้แคคตัสของเราเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะให้เราได้ชื่นชมกับดอกที่สวยงาม..

เคล็ดลับเพิ่มเติม หลังจากเปลี่ยนดินแคคตัส ใหม่ๆ ไม่ควรรดน้ำทันที เพราะระหว่างการเปลี่่ยนดิน รากของแคคตัสจะถูกกระทบกระเทือน บางคนก็มีการตัดแต่งรากอีก ดังนั้น เพื่อป้องกันโรคและรากเน่า ควรเว้นการรดน้ำสัก 3-5 วันเป็นอย่างน้อย

Wednesday, October 26, 2016

แคคตัส ชนิดไม่มีหนาม น่ารักซู๊ด

จะดีไหมถ้าแคคตัส ไม่มีหนาม



หลายคนเข็ดขยาดกับการโดนหนามตำของต้นกระบองเพชรหรือแคคตัส จนไม่อยากเลี้ยง แต่คุณทราบหรือไม่ว่า แคคตัส บางชนิดไม่มีหนาม และมีความสวยงามไปอีกแบบไม่แพ้แบบมีหนามเช่นกัน สำหรับในประเทศไทย มีสายหนึ่งที่คนไทยสนใจเป็นจำนวนมาก นั่นคือ สายพันธุ์ แอสโตรไฟตัม

แอสโตรไฟตัม (Astrophytum)



ที่มาของชื่อ แอสโตรไฟตัม มาจากภาษากรีก แปลว่า "ดวงดาว" ซึ่งก็เหมาะกับรูปร่างและลักษณะของแคคตัสแอสโตรไฟตัม เพราะมีลักษณะกลม และแบ่งเป็นพูๆ แถมลำต้นยังมีจุดขาว กระจายไปทั่วทั้งต้น แต่จะมากหรือน้อยนั่น ก็ขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ 

ที่มาของ แอสโตรไฟตัม 

เป็นไม้ที่มาจากประเทศ เม็กซิโก ว่ากันว่า ออกดอกง่าย (ถ้าเลี้ยงเป็น) และดอกก็มีสีสรรสวยงามไม่แพ้แคคตัสสายพันธุ์อื่นๆ อยากทราบแล้วใช่ไหมครับว่า แคคตัสไม่มีหนามที่ชื่อ แอสโตรไฟตัม มีสายพันธุ์อะไรบ้าง

แอสโตรไฟตัม มีสายพันธุ์ไม่มากนัก ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมของ แอสโตรไฟตัม ในประเทศไทย ได้แก่

  • แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส (Astrophytum asterias)
  • แอสโตรไฟตัม ไมริโอสติกมา  (Astrophytum myriortigma

ชื่ออาจจะเรียกยากไปนิด และก็ไม่เป็นไร เพราะมีการตั้งชื่อภาษาไทยให้กับ แอสโตรไฟตัม แล้ว นั่นก็คือ แอสโตรไฟตัม ไมริโอสติกมา มีชื่อไทยว่า หมวกสังฆราช

ส่วนแอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส ไม่มีชื่อไทย แต่มีชื่อภาษาญี่ปุ่น Kabuto (คะบุโตะ) และถ้าแปลเป็นไทยก็คือ หมวกเกราะ 

Tuesday, October 25, 2016

อะไรคือ cactus, succulent และ haworthia

คำศัพท์หน้ารู้ของกระบองเพชร

ชื่อของกระบองเพชร หรือไม้ประเภทอวบน้ำ เนื่องจากเป็นต้นไม้ต่างประเทศ ทำให้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ และทำให้ใครหลายคนสับสน (รวมทั้งผมเองด้วย) และเพื่อให้เพื่อนๆ ที่สนใจไม้ประเภทนี้ได้เข้าใจได้อย่างถูกต้อง ผมจึงได้ไปศึกษาและหาข้อมูลมาแนะนำ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจตรงกัน

มาเริ่มต้นจาก cactus กันก่อน

Cactus อ่านว่า แคคตัส หมายถึง กระบองเพชร ที่มีหนามขึ้นตามลำต้น เป็นประเภทหนึ่งของไม้อวบน้ำ หรือ Succulent ประเภทหนึ่งนั่นเอง ลำต้นของตะบองเพชรจะทำหน้าที่แทนใบซึ่งก็คือทำหน้าที่สังเคราะห์แสง และเก็บน้ำในลำต้น ส่วนหนามของตะบองเพชร ทำหน้าที่ป้องกันภัยจากสัตว์ ซึ่ง "หนาม" เกิดจากพัฒนาการของใบมาเป็นหนามแทน เพื่อลดการคายน้ำของต้นนั่นเอง




คุณทราบหรือไม่ว่า กรณีมี Cactus หลายต้นหรือมากกว่าหนึ่ง เราเรียกว่า Cacti ชื่อเพราะคล้ายๆ ชื่อสาวน้อยคนหนึ่งเลย คิดเห็นด้วยหรือเปล่า..


กระบองเพชร มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกว่า โบตั๋น และ ท้าวพันตา

Succulent อ่านว่า ซัคคิวเล้นท์ หมายถึง ไม้อวบน้ำ  เป็นพืชที่เก็กกักน้ำไว้ที่ราก ลำต้น และใบ ไม้อวบน้ำส่วนใหญ่จะมี "ไข" เคลือบอยู่บนลำต้นหรือใบ เพื่อทำให้กักเก็บความชื้นได้ดี ตัวอย่าง Succulent ได้แก่ แคคตัสหรือตะบองเพชรทั้งหลาย นอกจากนี้ที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ ว่านหางจระเข้ นั่นเอง

Haworthia อ่านว่า ฮาโวเทีย เป็นไม้อวบน้ำชนิดหนึ่ง (Succulent)  จากภาพตัวอย่างด้านล่าง ฮาโวเทียชนิดหนึ่งที่มีลักษณะหน้าใบเหมือนถูกตัด บางคนก็เรียก ม้าตัด ซะงั้น ทำให้หน้าใบมีลักษณะใส แสงสามารถส่องเข้าไปด้านในได้ ฮาโวเทียมีหลากหลายพันธุ์ บางพันธ์ก็ไม่ได้ถูกตัด อย่างเช่นต้นจำพวก ม้าลาย หรือ ฮาโวเทียที่มีลักษณะเหมือนหยดน้ำ เป็นต้น




คุณทราบหรือไม่ว่า ฮาโวเทีย บางคนก็เรียกสั้นๆ ว่า "ฮา" เป็นพืชกลุ่มเดียวกับว่านหางจระเข้

Friday, October 21, 2016

เคล็ดลับวิธีรดน้ำแคคตัส แบบไม่มีวันตาย

อยากปลูกแคคต้ส ทำไงดี






เริ่มต้นขอให้เริ่มที่ใจก่อนว่า ชอบหรือรักแคคตัสมากน้อยแค่ไหน ถ้าใจชอบแล้ว รับรองปลูกยังไงก็ไม่ตาย เหตุเพราะถ้าชอบ ก็ต้องศึกษาหาความรู้ และศึกษาลักษณะความต้องการของแคคตัสแต่ละสายพันธุ์ บางชนิดไม่ชอบน้ำ บางชนิดก็ชอบน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนคนเรา ยังชอบไม่เหมือนกันเลย

เรื่องร่ำลือเกี่ยวกับ แคคตัส

มีคำร่ำลือว่า แคคตัสหรือกระบองเพชร ปลูกง่าย ตายยาก สำหรับมือใหม่แล้ว ต้องพูดว่า ซื้อง่าย (เพราะราคาถูก) และตายง่าย เพราะรักและเป็นห่วงแคคตัสมากเกินไป เลยรดน้ำบ่อยๆ หรือทุกวัน

ธรรมชาติของแคคตัสกับเรื่องน้ำ

แคคตัสเป็นต้นไม้ทะเลทราย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีน้ำ ดังนั้นธรรมชาติของแคคตัส จึงต้องสะสมน้ำ ทำให้มีลำต้นใหญ่ เป็นแท่ง หรือเป็นทรงกลม และใช้สำหรับในหน้าแล้งที่ไม่มีน้ำ

ดังนั้น อย่ารดน้ำทุกวัน รับประกันไม่ตายแน่

เคล็ดลับในการรดน้ำแคคตัส

ปกติแล้ว เราสามารถรดน้ำแคคตัสได้ทุกวัน ถ้าอากาศร้อนจัด ประมาณว่า ตากผ้าไว้ สัก 1-2 ชั่วโมงผ้าแห้งกรอบไปเลย แต่ถ้าอากาศไม่ร้อน ก็สัก 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ก็มากพอแล้ว
  • รดน้ำ ต้องรดให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ
    อย่างไรเรียกว่า "ชุ่ม" ชุ่มก็คือดินต้องเปียกจนถึงก้นกระถาง ส่วนไม่แฉะ ก็คือ ไม่มีน้ำขัง
  • รดน้ำ ตอนเช้า ดีกว่าตอนกลางคืน
    เพราะเช้ามีแสงช่วยให้น้ำระเหยได้เร็วกว่า ดินไม่ชุ่มหรือแฉะนานเกินไป 
  • รดน้ำ ห้ามใช้สายยางฉีด
    แนะนำให้ใช้บัวรดน้ำต้นไม้โดยเฉพาะจะดีกว่า เพราะน้ำที่กระทบต้นแคคตัส ไม่แรงจนเกินไป ไม่ทำให้ต้นไม้กระเทือน ซึ่งจะมีผลกับรากโดยตรง
  • รดน้ำ ให้สังเกตว่า น้ำ ถ้าไหลออกเลยหรือไม่
    ถ้าไหลช้าหรือมีน้ำขังด้านบน ให้รีบจัดการเปลี่ยนดินด่วน แสดงว่าเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับดิน
  • รดน้ำ ครั้งนี้ ครั้งต่อไปรดเมื่อไหร่
    ง่ายๆ สั้นๆ รดน้ำครั้งต่อไปเมื่อดินแห้ง เท่านั้น
สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าดินแห้ง และพร้อมจะให้รดหรือไม่ ให้ใช้ไม้จิ้มฟัน หรือไม้อะไรก็ได้ที่มีขนาดเล็ก ให้จิ้มลงดินเกือบถึงก้นกระถาง จากนั้น สังเกตว่า ไม้จิ้มฟันนั้น ชื้นหรือไม่ ถ้าชื้น ก็ยังไม่ต้องรดน้ำ

ปลูกยังไงให้แคคตัส โตไวและออกดอก
  1. เรื่องน้ำ ต้องระวังอย่าให้ดินแฉะ น้ำขัง
  2. ต้องให้โดนแดดทุกวัน อย่างน้อยสัก ครึ่งวันเช้า เพื่อให้แคคตัสได้มีการสังเคราะห์แสง
  3. ให้ปุ๋ยบ้าง ถ้าให้ปุ๋ยประเภทละเลยช้า ก็สามารถอยู่ได้นานน 3-6 เดือน ให้ครั้งละน้อยๆ สำหรับต้นเล็กๆ ให้สัก 3,4 หรือ 5 เม็ดก็พอ
  4. ดินต้องระบายน้ำได้มาก และควรเปลี่ยนดินเมื่อปลูกไปได้สักระยะหนึ่ง อาจเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน ทั้่งนี้ ให้สังเกตแคคตัสของเราว่า เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ หรือไม่โตมานานแล้ว
ทำได้อย่างนี้ ลุงหนึ่งรับประกันได้ว่า แคคตัสของเราจะเติบโตให้เราได้ชมเชยดอกอย่างแน่นอน

ที่มาที่ไปของต้นไม้มีหนาม cactus

ทำความรู้จัก cactus






cactus อ่านว่า แคคตัส หมายถึง ต้นกระบองเพชร ที่เราๆ น่าจะรู้จักกันคือ ต้นไม้มีหนาม หรือต้นไม้ทะเลทราย จริงๆ แล้วกระบองเพชร เป็นต้นไม้ที่มีทั้งสายพันธุ์แบบมีหนามและไม่มีหนาม ส่วนใบของต้นแคคตัส ก็คือส่วนของหนาม นั่นเอง หนามเป็นวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด สาเหตอาจเป็นเพราะต้นกำหนดของแคคตัสอยู่บริเวณทะเลทรายที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งตลอดปี


คุณทราบหรือไม่ว่า คำว่า cactus นั่น เป็นภาษากรีก มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีหนาม

ถิ่นกำเนิดของแคคตัส

แคคตัสมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา ตั้งแต่อเมริกาเหนือไล่มาจนถึงอเมริกาใต้ แต่ที่สามารถพบแคคตัสได้มากที่สุดคือ ประเทศเม็กซิโก ส่วนแคคตัสในประเทศไทย แน่นอน ต้องมีการนำเข้าสายพันธุ์มาจากต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันประเทศไทยสามารถพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ เองได้แล้ว ว่ากันว่า แคคตัสในโลกนี้มีมากกว่า 2,000 ชนิดเลยทีเดียว แล้วคุณหล่ะ รู้จักแคคตัสบ้างหรือยัง

ทำไมต้น cactus ส่วนใหญ่มีสีเขียว

สมัยเรียน เพื่อนๆ คงรู้จักกันดีว่า สีเขียวของใบไม้มีคลอโรฟิลล์ ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อการเจริญเติบโตและเช่นเดียวกับกับ cactus ที่มีลำต้นสีเขียว ทำหน้าที่ในการสังเคราะห์แสงเช่นกัน ส่วนหนามที่บอกไปแล้วว่าเป็นส่วนของใบ ไม่มีสีเขียว จึงไม่สามารถช่วยสังเคราะห์แสงได้ ดังนั้น จึงใช้ลำต้นแทน

ดังนั้น หลักง่ายๆ ในการเลือกซื้อแคคตัส คือจะต้องมีสีเขียวเป็นหลัก ถึงแม้ว่าจะมีแคคตัสบางต้นที่กลายพันธุ์ และมีลักษณะเป็นด่าง คือมีสีเขียวผสมกับสีอื่นๆ ก็ตาม  สีเขียวก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แคคตัสอยู่รอดได้เช่นกัน (แคคตัสด่าง หรือไม้ด่างนั้น มีราคาค่อนข้างแพง เพราะความไม่ธรรมดาในเรื่องสีที่สวยงาม และเป็นของหายากกว่าแคคตัสที่มีสีเดียว)

แคคตัสที "ไม่มีสีเขียว" จะไม่สามารถเลี้ยงและอยู่รอดได้ตามลำพัง จะต้องมีการทาบกันแคคตัสต้นอื่นๆ หรือที่เรียกว่า "กราฟ" (graft cacuts) เพื่อความอยู่รอดและเพื่อให้เจริญเติบโตได้เร็ว ดังจะสังเกตได้จากแคคตัสที่มีขายตามท้องตลาด ที่ด้านบนเหมือนมีต้นแคคตัสอีกต้นมาติดอยู่

ลำต้นของแคคตัส

ลำต้นก็คือส่วนที่เราเห็นเป็นรูปทรงเป็นแท่งหรือมีลักษณะวงกลม ซึ่งแล้วแต่สายพันธุ์ มีลักษณะอวบน้ำ มีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่

หนามของแคคตัส

อย่างที่ได้อธิบายในตอนต้น หนามก็คือใบของต้นแคคตัส นั่นเอง ลักษณะของหนามมีหลายแบบ ไม้ว่าจะเป็นหนามเป็นแท่ง คล้ายกับเข็ม มีทั้งแบบสั้น ยาว หรือโค้งงอ หนามที่สมบูรณ์ หนามที่ขึ้นใหม่ จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าหนามเดิม และสีก็มักจะเข้มขึ้นอีกด้วย

ดอกของต้นแคคตัส

ว่ากันว่า แคคตัส ทุกต้น สามารถออกดอกให้เห็น บางต้นให้ดอกใหญ่ บางต้นให้ดอกเล็ก ขึ้นกับสายพันธุ์ ส่วนสีสรร ไม่ต้องห่วง มีหลากหลายสี สดๆ แจ่มๆ ทั้งนั้น แต่สำหรับระยะเวลาในการให้ดอกนั้น ก็ขึ้นกับความสมบูรณ์ของแคคตัสเป็นหลัก

การขยายพันธุ์ แคคตัส

การขยายพันธุ์ ส่วนใหญ่สามารถขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อได้ ถ้าต้นแคคตัสหลักแตกหน่อออกมา แนะนำว่า ถ้าจะแยกหน่อ ควรให้หน่อมีขนาดใหญ่พอสมควร ประมาณสัก 1 ซม. ขึ้นไปเพราะการแยกหน่อที่เล็กเกินไป การนำไปปักชำ ก็อาจทำให้ต้นโตช้า

ส่วนการขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดนั้น จะต้องมีการผสมพันธุ์แคคตัสจากดอก (ดอกของแคคตัส จะมีทั้งตัวผู้และตัวเมียในดอกเดียวกัน) หลังผสมพันธุ์ก็รอให้มีการพัฒนาเป็นเมล็ด จากนั้นจึงจะสามารถนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะต่อได้ การเพาะแคคตัสจากเมล็ด จะใช้เวลานานมากกว่าการขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อมาก แต่ให้จำนวนที่มากว่า

เป็นอย่างไรบ้าง บทความข้างต้น คงจะทำให้เพื่อนๆ มือใหม่ที่สนใจอยากจะทดลองเลี้ยงแคคตัส ได้รู้จักและเข้าใจแคคตัสมากขึ้นแล้วนะ

ส่วนบทความต่อๆ ไปก็จะมาแนะนำการปลูก การรดน้ำ ปัญหาที่ทำให้แคคตัสตายหรือเกิดโรค การผสมพันธุ์หรือการขยายพันธุ์แคคตัส รวมทั้งวัสดุปลูกแคคตัส ที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้แคคตัสของเราเจริญเติบโตได้ดี และอยู่รอดได้ตลอดหรือไม่ 
 
Copyright © 2014 cactus cacti | ข้อมูลกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ. Designed by OddThemes